การผ่าตัดเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญอย่างสูงของศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด โดยจากการทำงานอันยาวนานกว่า 30 ปีและเป็นที่ยอมรับทั้งจากในประเทศและนานาชาติของนายแพทย์ปรีชา เตียวตรานนท์ และทีม เป็นสิ่งยืนยันความเป็นมืออาชีพของทีมศัลยแพทย์ของ PAI
หากคนไข้ตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย โปรดแจ้งอาการแพ้ยา ยาหรืออาหารเสริมที่ใช้ในปัจจุบันก่อนเข้ารับการผ่าตัด หากมีโรคประจำตัว โปรดแจ้งศัลยแพทย์ล่วงหน้า คนไข้ต้องงดแอสไพริน (Aspirin) ไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) และวิตามินอี ล่วงหน้า 2 อาทิตย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด และงดบุหรี่ก่อนผ่าตัด 2 อาทิตย์ และหลังผ่าตัด 8 อาทิตย์ เนื่องจากการสูบบุหรี่มีผลต่อการสมานกันของบาดแผล
เกี่ยวกับการผ่าตัดเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายการเพิ่มขนาดเส้นรอบวงของอวัยวะเพศชายที่ทำกันในปัจจุบันมีอยู่ 4 วิธีด้วยกัน คือ
1. การฉีดไขมัน ข้อดีของวิธีการนี้คือไขมันที่ฉีดเข้าไปส่วนหนึ่งจะคงอยู่ตลอด อย่างไรก็ตามประมาณมากกว่า 50% ของไขมันที่ฉีดเข้าไปจะสลายตัว ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดไขมันเข้าไปในปริมาณที่มากขึ้น เนื่องจากยิ่งฉีดเข้าไปมากเท่าไร โอกาสที่อวัยวะเพศชายจะมีรูปทรงไม่ได้สมมาตรกับมีก้อนแข็งตัวเกิดขึ้นก็มีมาก นอกจากนี้แล้วอวัยวะเพศหลังฉีดจะมีลักษณะนิ่มกว่าปกติ
2. การปลูกถ่ายผิวหนัง (dermal fat graft) คือการนำผิวหนังจากที่หนึ่งมาปลูกถ่ายไว้อีกที่หนึ่ง ในที่นี้ศัลยแพทย์จะผ่าเปิดผิวอวัยวะเพศชาย แล้วใช้ผิวหนังบริเวณร่องก้นมาพันไว้รอบแกนกลางของอวัยวะเพศ เสร็จแล้วจึงเย็บปิดบาดแผล ข้อดีของวิธีการนี้คือจะให้สัมผัสที่เหมือนจริงกว่าแบบฉีดไขมัน ข้อเสียคือจะมีแผลเป็นเกิดขึ้นบนร่างกายและการเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายทำได้ในสัดส่วนที่จำกัด
3. การนำเนื้อเยื่อภายในถุงอัณฑะมาเสริมเส้นรอบวงอวัยวะเพศ เริ่มต้นจากการที่ศัลยแพทย์ผ่าเปิดผิวอวัยวะเพศชาย นำเนื้อเยื่อจากภายในถุงอัณฑะมาพันหุ้มรอบๆแกนกลางของอวัยวะเพศ เสร็จแล้วจึงเย็บปิดบาดแผล ข้อดีของวิธีการนี้คือเนื้อเยื่อที่ใส่เข้าไปจะไม่สลายตัว เนื่องจากเป็นเนื้อเยื่อที่มีเส้นเลือดหล่อเลี้ยงติดมาด้วย ข้อเสียของวิธีการนี้คือขนาดที่ได้จะค่อนข้างจำกัดเนื่องจากปริมาณเนื้อเยื่อที่นำมามีน้อย
4. การใช้วัสดุสังเคราะห์หุ้มแกนกลางอวัยวะเพศชายเพื่อเพิ่มขนาด วัสดุสังเคราะห์ชนิดนี้ (Dry polylactic-co-glycolic acid scaffold, PLGA) ผ่านการทดลองทางห้องปฏิบัติการแล้วว่าสามารถย่อยสลายได้เองภายใน 6 ถึง 8 อาทิตย์และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ โดยศัลยแพทย์จะแช่ PLGA กับน้ำเหลือง (serum) ผู้ป่วย และอาหารเลี้ยงเซลล์ เมื่อครบ 24 ชั่วโมงแล้วจึงผ่าเปิดผิวอวัยวะเพศชาย แล้วพันแกนกลางอวัยวะด้วย PLGA จากนั้นจึงเย็บปิดบาดแผล ด้วยการทำเช่นนี้จะทำให้ระบบของร่างกายสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่เองตามธรรมชาติรอบแกนกลางอวัยวะเพศโดยมี PLGA เป็นตัวช่วยพยุงในช่วงแรก