TOP

การเลือกใช้และการวางผังติดตั้งชั้นวางอุตสาหกรรม

การเลือกใช้และการวางผังติดตั้งชั้นวางอุตสาหกรรม  จึงมีปัจจัยสำคัญๆ หลายด้าน ดังนี้

1.ชนิดของสินค้าที่จะจัดเก็บ สินค้าจะต้องการจัดเก็บบนชั้นวางเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สุดในการกำหนดอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ที่จะเลือกมาใช้ในการจัดเก็บ ชนิดสินค้า ขนาดสินค้า และน้ำหนักของสินค้า เป็นตัวกำหนดว่าจะใช้แผ่นพาเลทขนาดใดและชนิดใดมารองรับ และแต่ละพาเลทจะมีน้ำหนักสูงสุดเท่าไร ชนิดสินค้ายังเป็นตัวกำหนดในการเลือกใช้ชั้นวางชนิดต่างๆ ด้วย เช่น สินค้าที่จะต้องเข้าก่อน-ออกก่อน หรือเข้าก่อน-ออกทีหลัง เป็นสินค้าชนิดเดียวกันหรือสินค้าหลากหลายชนิด เป็นสินค้าที่ต้องเบิกจ่ายตลอดเวลาหรือไม่ ปริมาณสินค้ามีมากน้อยแค่ไหน เป็นต้น

2.ชนิดและขนาดของพาเลท จะต้องเลือกให้สามารถรับน้ำหนักสูงสุดของสินค้าที่จะกองบนพาเลทได้ และต้องคำนึงถึงการวางบนชั้นวางว่าจะวางทางแนวกว้างหรือแนวแคบ ชนิดและขนาดของพาเลทจะเป็นตัวกำหนดว่าชั้นวางที่จะติดตั้งควรจะมีความกว้างและความลึกเท่าไร ขณะเดียวกันก็เป็นตัวกำหนดรถยกที่จะใช้ว่าต้องรับน้ำหนักเท่าไร ความกว้างของงา ยกได้สูงเท่าไร จำนวนพาเลทจะเป็นตัวกำหนดว่าควรจะเลือกชั้นวางแบบหนาแน่นเพียงใด และมีความสูงกี่ระดับชั้น

3.พื้นที่ของคลังสินค้า ลักษณะพื้นที่ของคลังสินค้าก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการขณะเลือกชั้นวาง ทั้งขนาดของทางเข้าออก ขนาดประตู ความสูงของเพดาน ขนาดความกว้างความยาว ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นข้อจำกัดที่การติดตั้งชั้นวาง และจะต้องคำนึงถึงความต้องการในการจัดเก็บ และการทำงานของรถยกที่จะวิ่งเข้าออกเวลาเบิกจ่ายด้วย

4.ชนิดรถยกที่จะใช้ รถยกจะต้องมีความสามารถในการยกน้ำหนัก (Load Capacity) เพียงพอกับน้ำหนักสูงสุดของสินค้าบนพาเลท ขณะเดียวกันต้องสามารถยกสูงได้ถึงชั้นวางสูงสุดที่จะติดตั้ง ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่ต้องระวังก็คือต้องคำนึงถึงขนาดของตัวรถว่าสามารถกลับตัวเพื่อหันหน้าเข้าชั้นวางในขณะยกสินค้าขึ้นเก็บหรือเบิกจ่ายได้ด้วย

5.ระบบการหมุนเวียนของสินค้า หากสินค้ามีจำนวนมากและหมุนเวียนเร็ว หมายความว่าต้องมีการนำเข้าและเบิกจ่ายถี่มาก รถยกต้องมีขีดความสามารถในการทำงานหนักได้ตลอดเวลา หรือควรใช้ชั้นวางที่มีลักษณะกึ่งอัตโนมัติหรืออัตโนมัติ ที่ควบคุมด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ชนิดสินค้าต้องหมุนเวียนแบบ FIFO หรือ LIFO ก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกชั้นวางต่างกัน เช่น LIFO อาจเลือกชั้นวางแบบ Drive-in หรือแบบ Push Back แต่ถ้าต้องการแบบ FIFO อาจเลือกชั้นวางแบบ Selective หรือแบบ Flow เป็นต้น

Read More
TOP

ประเภทของปั๊มน้ำ Grundfos

ประเภทของปั๊มน้ำ Grundfos จะมีหลายรูปแบบ และมีการเรียกชื่อแตกต่างกันออกไปมากมาย ดังนั้นจึงมีการจัดหมวดหมู่ปั๊มน้ำออกได้เป็น 2 แบบคือ แยกตามลักษณะการเพิ่มพลังงานให้แก่ของเหลว หรือการไหลของของเหลวในปั๊ม คือ

– ประเภทปั๊ม Grundfos แรงเหวี่ยง หรือปั๊มหอยโข่ง จะเพิ่มพลังงานให้แก่ของเหลวโดยอาศัยแรงเหวี่ยงหนีจุดศูนย์กลาง ปั๊มน้ำแบบนี้บางครั้งเรียกว่า แบบ Rota – dynamic

– ประเภทของโรตารี่ เพิ่มพลังงานโดยอาศัยการหมุนของฟันเฟืองรอบแกนกลาง

– ประเภทลูกสูบชัก จะเพิ่มพลังงานโดยอาศัยการอัดโดยตรงในกระบอกสูบ

– ประเภทพิเศษ เป็นปั๊มน้ำที่มีลักษณะพิเศษ ไม่สามารถจัดอยู่ในทั้งสามประเภทที่กล่าวมา

แยกตามลักษณะการขับดันของเหลวในปั๊ม แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ

– ประเภททำงานโดยไม่อาศัยหลักการแทนที่ของเหลว เป็นปั๊ม Grundfos ประเภทอาศัยแรงเหวี่ยงหนีจุดศูนย์กลางและแบบพิเศษ

– ประเภททำงานโดยอาศัยหลักการแทนที่ของเหลว คือการเคลื่อนที่ โดยอาศัยชิ้นส่วนของเครื่องสูบ ปั๊มประเภทนี้จะรวมเอาแบบโรตารี่และแบบลูกสูบชักเข้าอยู่ในกลุ่มด้วย

นอกจากการแบ่งเป็นสองแบบตามที่กล่าวมาแล้ว ยังอาจแบ่งปั๊มตามวัตถุประสงค์การใช้งานของแต่ละชนิดด้วย เช่น ปั๊มดับเพลิง ปั๊มลม ปั๊มสูญญากาศ ปั๊มบาดาล เป็นต้น

อุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องประกอบกันมาอย่างดี มีความคงทน ไม่เป็นสนิมง่าย และมีตัวป้องกันมอเตอร์ไหม้ เลือกกำลังมอเตอร์ของปั๊ม Grundfos ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ไม่เลือกขนาดกำลังมอเตอร์ที่เล็กเกินไป เพราะจะทำให้ปั๊มทำงานบ่อย สิ้นเปลืองไฟฟ้า การเลือกกำลังมอเตอร์ของปั๊ม หรือการเลือกขนาดของปั๊มนั้นจะเลือกซื้อตามลักษณะการออกแบบของผู้ผลิต คือ ออกแบบตามระยะความสูงของท่อที่จะต่อจากระดับพื้นดินถึงจุดจ่ายน้ำสูงที่สุดของตัวบ้านหรืออาคาร‏ และออกแบบตามจำนวนก๊อกน้ำที่อาจมีการเปิดใช้น้ำพร้อมกัน เช่น ซักผ้า อาบน้ำ รดต้นไม้ ล้างรถยนต์ ประกอบอาหาร ล้างจาน เป็นต้น

Read More
TOP

8 ข้อควรรู้ เมื่อสาวๆมีโอกาสสวมชุด “ กิโมโน “!!

เวลาเราไปเที่ยวประเทศไหน  ก็อยากลองสวมชุดประจำชาตินั้นๆดูสักครั้ง  เพราะแต่ละประเทศก็มีเอกลักษณ์ของชุดที่สวยงามแตกต่างกันไป  และเหมือนกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วว่าถ้าไปประเทศไหนแล้วไม่ได้ถ่ายรูปในชุดประจำชาตินั้นๆแสดงว่าไปไม่ถึง   ถ้าถามสาวไทยว่าอยากสวมชุดของชาติไหน  คำตอบอันดับต้นๆต้องมี ‘ประเทศญี่ปุ่น’ แน่นอน แต่อย่างที่เรารู้กันว่าแดนปลาดิบมีข้อถือปฏิบัติ หลักเกณฑ์ มารยาทต่างๆมากมาย  การสวม ‘กิโมโน’ ก็เช่นกัน  มาดูกันว่าขณะที่สาวๆอยู่ในชุดกิโมโน  ชาวญี่ปุ่นเขามีข้อแนะนำ ข้อควรปฏิบัติยังไงบ้าง

การยืน     ท่ายืนที่เหมาะสมสำหรับชุดกิโมโน คือเท้าชิดกัน มือแนบลำตัว ไหล่ตั้งหน้าเชิด จะทำให้ดูสง่า และงดงาม  ห้ามยืนโพสต์ท่า ขาแยก มือแตะเอว  ดูไม่น่ารักและไม่สำรวม

การเดิน    เนื่องจากกิโมโนค่อนข้างแคบ จังหวะในการก้าวเท้า ต้องเป็นไปแบบก้าวสั้นๆ  มือควรจะแนบลำตัวเพื่อความสง่างามในการเดิน ข้อห้ามคือไม่ควร แกว่งแขน เดินแกมวิ่งสนุกสนานลั้นลาเกินเหตุ  ดูไม่งาม

การเดินขึ้นและลงบันได   เนื่องจากกิโมโนแบบแขนยาว อาจจะทำให้ผ้าลากพื้นและเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นควรต้องช้อนผ้าบริเวณแขนที่ยาวไว้ที่มือด้านหนึ่งแล้วค่อยเดิน  ห้ามปล่อยให้ชายแขนลากกับพื้นเด็ดขาด เพราะเราอาจจะสะดุด และทำให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินได้

การนั่งบนเก้าอี้     ชุดกิโมโนเป็นชุดที่รัดแน่นบริเวณหน้าท้อง ด้วยโอบิ ดังนั้นการนั่งที่สง่างามคือการนั่งหลังตรง โดยนำสิ่งของหรือกระเป๋าวางไว้ด้านหลังที่นั่ง เก็บชายแขนที่ยาวมาไว้บนตัก ข้อห้ามคือ ห้ามนั่งพิงพนักเก้าอี้ ปล่อยปลายแขนลากกับพื้น เพราะนอกกจากจะดูไม่งามแล้ว ยังอาจจะเกิดอุบัติเหตุตกเก้าอี้ได้อีกด้วย

การนั่งบนเบาะรองนั่ง    วิธีการนั่งที่เหมาะสมคือ ค่อยๆย่อตัวลงคุกเข่า แล้วนั่งบนเบาะรองพื้น ไม่ควรเดินเข้าไปเหยียบเบาะรองพื้นแล้วนั่ง  ดูไม่งามอย่างมาก

การเก็บสิ่งของที่ตกพื้น   เนื่องจากมี โอบิ รัดไว้บริเวณหน้าท้อง  ทำให้การก้มลงเก็บสิ่งของทำได้ค่อนข้างยาก และอาจจะทำให้ภาพดูไม่งาม ดังนั้นจึงควรย่อขา นั่งลงช้าๆ เพื่อเก็บสิ่งของที่ตกหล่นจากด้านข้างลำตัว จะทำให้ดูสง่างามกว่า การนั่งลงก้มเก็บของจากด้านหน้า เพราะอาจจะทำให้ล้มลงได้

การโบกมือทักทาย    เมื่อต้องยกมือข้างหนึ่งเพื่อโบกมือทักทายเพื่อน ควรจะใช้มืออีกด้านหนึ่งแตะบริเวณปลายแขนเอาไว้ไม่ให้ปลายแขนด้านนั้นหล่นลงมา จะทำให้ท่วงท่าการโบกมือดูดีมีสง่าสุดๆ

การขึ้นรถ     ท่วงท่าที่แนะนำคือ ให้ขึ้นด้านข้าง เข้าไปนั่งก่อนแล้วค่อยเก็บขาเข้าข้างในตัวรถ  ดูสง่างาม ไม่โป๊ ไม่เกิดอุบัติเหตุอีกด้วย

 

 

Read More